สำหรับ part แรกของ reading ในข้อสอบ TOEIC แบบ updated นั้นมีรูปแบบโจทย์เหมือนเดิม แต่ลดจำนวนข้อลงจาก 40 ข้อ เป็น 30 ข้อครับ
ถึงแม้ข้อสอบ TOEIC รูปแบบใหม่จะยังคงมี 4 บทความเท่าเดิม แต่ในแต่ละบทความจะเพิ่มจำนวนข้อจาก 3 ข้อ เป็น 4 ข้อ ทำให้รวมแล้วมีคำถาม 16 ข้อใน part นี้ครับ
ส่วนความแตกต่างของโจทย์มีจุดเดียวคือ:
หมายความว่า แทนที่เราจะเลือกคำหรือกลุ่มคำมาเติมในช่องว่างอย่างเดียว คราวนี้จะมีบางข้อที่กำหนดมาให้ 4 ประโยค แล้วให้เราเลือกประโยคที่เหมาะสมที่สุดใส่ในช่องว่างครับ
… For that reason, we are urging experienced project leaders to attend each one of the interactive seminars that will be held throughout the coming month. _____ .
Part นี้อาจเรียกได้ว่าเป็น part ที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดในข้อสอบ TOEIC แบบใหม่ครับ เรามาเริ่มที่ส่วน Single Passages (บทความเดี่ยว) กันก่อนนะครับ ในส่วนนี้จะเพิ่มจำนวนคำถามจาก 28 ข้อ เป็น 29 ข้อครับ และหากพูดถึงจำนวนบทความที่เราต้องอ่านก็ได้เพิ่มจาก 7-10 บทความ เป็น 10 บทความครับ อย่างไรก็ตาม จำนวนคำถามต่อบทความได้ลดลงจาก 2–5 คำถาม เป็น 2–4 คำถามต่อบทความครับ นั่นหมายความว่าเราจะไม่เจอบทความเดี่ยวที่มีคำถาม 5 ข้อพ่วงมาด้วยอีกต่อไปครับ
ส่วน Double Passages (บทความคู่) ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Multiple Passages (บทความหลายบทความ) ครับ โดยมีการเพิ่มคำถามจาก 20 ข้อ เป็น 25 ข้อครับ และที่สำคัญ จากที่ข้อสอบ TOEIC แบบเดิมมี 4 double passages ในข้อสอบ TOEIC แบบ updated จะมี 2 double passages และ 3 triple passages (บทความสามบทความ) แทนครับ แปลว่า ใน triple passages แต่ละชุด ผู้สอบต้องอ่านถึง 3 บทความเพื่อนำข้อมูลไปตอบคำถามครับ ส่วนจำนวนคำถามต่อชุดบทความ (ไม่ว่าจะเป็น double หรือ triple passages) จะยังคงเป็น 5 ข้อต่อชุดเท่าเดิมครับ
สำหรับลักษณะคำถามที่เปลี่ยนไปมีดังนี้ครับ:
หมายถึงจะมีคำถามที่กำหนดประโยคมาให้ แล้วให้เราเลือกว่าควรใส่ในตำแหน่งใดครับ
In which of the positions marked [1], [2], [3], and [4] does the following sentence best belong?
“The name and telephone number of the person posting the notice must be clearly marked on the back.”
SAM BACH 11:59
SAM BACH 12:00
SAM BACH 12:00
SAM BACH 12:06
AKIRA OTANI 12:06
SAM BACH 12:10
AKIRA OTANI 12:15
SAM BACH 12:16
At 12:15, what does Mr. Otani mean when he writes, “Sure thing”?